สีหน้าเมิ่งฮ่าวเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว พื้นฐานฝึกตนของเขาโคจรหมุนเวียน และพลังอันรุนแรงจากเสาแห่งเต๋าที่สมบูรณ์ก็ขยายออกไป เพื่อต่อต้านแรงดึงดูดนั้น
ตอนแรกฉื่อชิงไม่มีปฏิกิริยาใดๆ แต่เมื่อนางได้เห็นสีหน้าของเมิ่งฮ่าว ทันใดนั้นนางก็เริ่มดูวิตกกระวนกระวายขึ้น
เสียงกระหึ่มกึกก้องนั้นดังกระจายออกไปทั่ว ไม่เพียงแต่มีผลกระทบกับเมิ่งฮ่าว แต่มีผลกับผู้ฝึกตนเร่ร่อนขั้นพื้นฐานลมปราณทั้งหมดภายในดินแดนสงบสุข พวกมันทั้งหมดไม่สนใจถึงสิ่งที่กำลังทำอยู่ในตอนนั้น ต่างก็นั่งลงขัดสมาธิเพื่อเข้าฌาณในทันที
แต่เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องด้วยความรวดเร็ว ร่างของผู้ฝึกตนเร่ร่อนหลายคนระเบิดออก ส่งผลให้เศษเนื้อและพิรุณโลหิตสาดกระจายออกไปทั่วทุกทิศทาง มีเพียงเสาแห่งเต๋าของพวกมันที่ยังเหลืออยู่ พวกมันลอยผ่านอากาศไป ถูกลากตรงไปยังตำแหน่งของแรงดึงดูดนั้น
เสาแห่งเต๋าลอยตรงไปเรียงซ้อนกันกลายเป็นภูเขา มีพลังอันแข็งแกร่งบางอย่างได้กัดกร่อนภูเขานั้น ทำให้มันจมลงไป ในพื้นที่บริเวณที่จมลงไปนั้นเกิดเป็นหอคอยสีดำขึ้น
เมื่อมองไป ก็จะเห็นว่ามันถูกสร้างยังไม่เสร็จสมบูรณ์ ในตอนนี้มีเพียงแค่สามชั้น เสาแห่งเต๋ามากมายลอยตรงไปที่หอคอยนั้นจากทุกทิศทาง และเริ่มก่อตัวขึ้นเป็นชั้นที่สี่!
เมื่อชั้นที่สี่ถูกสร้างเสร็จ แรงดึงดูดนั้นก็เริ่มจางลง และจากนั้นก็หายไป ผู้ฝึกตนเร่ร่อนมากกว่าสามสิบคนได้ตายลงเมื่อครู่นี้ในดินแดนสงบสุข
เหตุการณ์ที่น่าสยองขวัญนี้ สร้างความหวาดกลัวให้กับผู้ฝึกตนเร่ร่อนทั้งหมด แต่เมื่อพวกมันติดอยู่ในดินแดนสงบสุขนี้ ไม่ว่าพวกมันจะค้นหาอย่างไร ก็ไม่อาจพบเจอทางออก
บริเวณที่เป็นต้นกำเนิดของแรงดึงดูด ถูกล้อมไว้ด้วยศิษย์สำนักชิงหลัวเกือบพันคน พวกมันนั่งขัดสมาธิ สวดมนต์จากคัมภีร์ที่แปลกประหลาด ศิษย์สำนักชิงหลัวที่ได้เข้ามาในดินแดนสงบสุข ในสถานที่แตกต่างกันทั้งหมดต่างก็ตรงมายังพื้นที่นี้
เมิ่งฮ่าวลืมตาขึ้น และดวงตาทั้งสองข้างก็ส่องแสงอันลี้ลับออกมา เขาชำเลืองมองไปยังพื้นที่ซึ่งสร้างเสียงกระหึ่มกึกก้องและแรงดึงดูดนั้น ตอนนี้เสาแห่งเต๋าของเขาแข็งแรงมั่นคง พวกมันเป็นเสาแห่งเต๋าที่สมบูรณ์ ดังนั้น ถึงแม้แรงดึงดูดนั้นจะเข้มข้น แต่มันก็ยังห่างไกลจากอันตรายสำหรับเขา
เมื่อได้เห็นสีหน้าซีดขาวของเมิ่งฮ่าว ฉื่อชิงก็รีบกล่าวขึ้น “นั่นเป็นสถานที่รวมพลของศิษย์สำนักชิงหลัว ก่อนเข้ามาศิษย์ทุกคนถูกสั่งไปยังสถานที่นั้นให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเร็วได้ เมื่อไปถึงที่นั่น ทุกคนก็ต้องสวดมนต์จากคัมภีร์บางอย่าง แต่ข้าก็ไม่รู้ว่าทำไม”
“ข้ารู้ทางออก รวมถึงครั้งล่าสุด ข้ามาที่นี่สองครั้งแล้วในตอนนี้ ข้าสามารถนำเจ้าไปยังที่นั่น และเจ้าก็จะออกไปจากที่นี้ได้ เจ้าไม่อาจอยู่ที่นี่อีกต่อไป”
เมิ่งฮ่าวไม่พูดจา เขาลุกขึ้นยืน มองออกไปยังจุดกำเนิดของแรงดึงดูด หลังจากนานสักพัก เขาก็ส่ายหน้า
“แรงดึงดูดนี้ไม่ได้มีผลกับข้ามากนัก และข้าก็มีทางที่จะออกไปจากที่นี่แล้ว สำหรับท่าน ข้าคิดว่า…” เขามองกลับมาที่นาง
“ถ้าแรงดึงดูดนั้นไม่ปรากฎขึ้น มันก็ดี แต่ตอนนี้ ผู้ฝึกตนเร่ร่อนรู้ว่ามีสิ่งแปลกๆ กำลังเกิดขึ้น พวกมันจะค้นหาศิษย์สำนักชิงหลัวให้อธิบายว่าเกิดอะไรขึ้น ใครจะไปรู้ว่าพวกมันจะใช้วิธีการอันใดในการเค้นถามข้อมูล ยิ่งไปกว่านั้น ถ้าท่านรู้เรื่องทางออก คนอื่นๆ ก็รู้เช่นกัน ผู้คนจากสำนักชิงหลัวต้องระมัดระวังตัวให้มากไว้” เขามองไปยังฉื่อชิง ซึ่งเป็นศิษย์พี่หญิงที่อยู่ในความทรงจำอันยาวนานของเขา
“พวกเราไม่ได้พบเจอกันมานานมากแล้ว ข้าหวังว่าพวกเราจะได้ใช้เวลาด้วยกันตามลำพังนานกว่านี้” เขาพูดขึ้นอย่างเงียบๆ “แต่ตอนนี้ยังไม่ใช่เวลานั้น ข้าจะคุ้มกันท่านไปยังจุดนัดพบของสำนักชิงหลัว ท่านน่าจะปลอดภัยกว่าเมื่ออยู่ที่นั่น”
“เจ้ามีทางที่จะออกไปจากที่นี่ได้จริงๆ?” ฉื่อชิงถาม ด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียด
“ใช่แล้ว” เมิ่งฮ่าวกล่าวตอบด้วยเสียงเคร่งขรึม
ฉื่อชิงมองไปที่เขาอย่างเงียบๆ สักพัก และดูเหมือนว่านางต้องการจะพูดบางอย่าง แต่ก่อนที่นางจะพูด เมิ่งฮ่าวก็ก้าวเท้าไปข้างหน้า และโอบแขนไปที่รอบเอวอันอ่อนนุ่มของนาง จากนั้นก็บินขึ้นไปในท้องฟ้า
สายลมอันรุนแรงพัดมา แต่ก็ถูกป้องกันไว้ด้วยพลังฝึกตนของเมิ่งฮ่าว สิ่งที่ฉื่อชิงรู้สึกได้ทั้งหมดก็คือ เมิ่งฮ่าวโอบกอดนางไว้ ทำให้นางต้องหน้าแดงขึ้นอีกครั้ง
เส้นผมสีดำยาวสยายของนางพริ้วไปมาข้างๆ ใบหน้าเขา เต็มไปด้วยความละเอียดอ่อน และกลิ่นหอมที่ยากจะลืมเลือน ฉื่อชิงไม่พูดจาเมื่อพวกเขาบินไปด้วยกัน
ในอดีต นางเคยเป็นศิษย์พี่หญิงของเขา แต่เขาก็ไม่เคยแสดงความอ่อนแอขณะที่เขาเป็นศิษย์น้องของนาง ตอนนี้ เขาเป็นผู้ฝึกตนขั้นพื้นฐานลมปราณ วิธีการที่เขาสังหารจ้าวซานเหอ ได้แสดงถึงความเปลี่ยนแปลงอย่างน่าเหลือเชื่อของเขาตลอดหลายปีที่ผ่านมา
ขณะที่เมิ่งฮ่าวสูดหายใจเอากลิ่นหอมอันละเอียดอ่อนนั้นเข้าไป นางก็ได้กลิ่นของเขาเช่นเดียวกัน ทำให้นางรู้สึกถึงความปลอดภัย ราวกับว่าได้อยู่ที่บ้านของตัวเอง
ทันใดนั้น นางก็คิดย้อนกลับไปถึงภูเขาต้าชิง และนักศึกษาหนุ่มเมิ่งฮ่าว นางได้นำเขากลับไปยังสำนักเอกะเทวะ ด้วยเหตุการณ์เดียวกันนี้ ขณะที่เขากำลังโอบกอดนางอยู่ตอนนี้ ตัวนางกดทับลงไปบนตัวเขา
รอยยิ้มปรากฎขึ้นในดวงตาเมื่อนางคิดถึงเรื่องนี้ นางมองขึ้นไปที่ซีกหน้าของเมิ่งฮ่าว และเวลาก็ดูเหมือนจะเดินช้าลง
นางไม่เข้าใจว่านางกำลังมีความรู้สึกถึงอะไร แต่นางก็รู้ว่าในตอนนี้ ทุกสิ่งทุกอย่างช่างสงบสุขเป็นอย่างยิ่ง ทันใดนั้น นางก็รู้สึกว่าเมิ่งฮ่าวช่างเหมือนกับน้องชายของนางนัก
“เจ้าโตขึ้นแล้ว” นางพูดขึ้นในทันใด ไม่แน่ใจว่าทำไมถึงได้พูดเช่นนี้ แต่นางก็พูดขึ้นมา
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ทันใดนั้น เมิ่งฮ่าวก็หยุดบินสักพักและฝืนยิ้มออกมา ใบหน้าของเขาปกคลุมไปด้วยความเย็นชาที่ดูเหมือนจะไม่สนใจคำพูดของนาง แต่ก็เห็นได้ชัดว่าเป็นการแสร้งทำ
“ข้าคิดว่าท่านอายุมากกว่าข้าแค่ไม่กี่ปีเองนะ…” เขากล่าว กระแอมไอออกมาเบาๆ
“มากกว่าห้าปี!” นางกล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจัง “ข้าเป็นพี่สาวของเจ้า!”
“นั่นไม่ใช่เรื่องใหญ่อันใด” เมื่อได้เห็นท่าทางดวงตาเบิกกว้างของนาง เขาก็หัวเราะออกมา และกล่าวเพิ่ม “ตกลง, ตกลง ข้าไม่เคยบอกว่าท่านไม่ใช่พี่สาวของข้า”
เวลาผ่านไป เพียงพอที่จะให้ธูปไหม้หมดไปหนึ่งดอก ทันใดนั้น ลำแสงแปดลำก็ปรากฎที่เบื้องหน้าของพวกเขา ก่อนที่คนทั้งสองจะพุ่งผ่านไป ก็มีคนมองเห็น
“รวบรวมลมปราณ…ผู้หญิงคนนั้นเป็นศิษย์สำนักชิงหลัว!”
“ใช่แล้ว, ต้องเป็นนาง นางเป็นคนที่พวกเรามองหาอยู่!” พวกมันทุกคนเป็นผู้ฝึกตนขั้นต้นของพื้นฐานลมปราณ ดวงตาของพวกมันสาดประกายความชั่วร้ายออกมา ขณะที่มันมองผ่านฉื่อชิงไปยังเมิ่งฮ่าว
บุรุษวัยกลางคนชุดสีน้ำเงิน ที่อยู่ท่ามกลางพวกมันมองไปที่เมิ่งฮ่าวอย่างเย็นชา และพูดว่า “สหายเต๋า, ไม่จำเป็นต้องบอกพวกเราว่าสตรีนางนี้ได้บอกอะไรกับท่าน พวกเราต้องการนาง, ตอนนี้!” ดูเหมือนว่าถ้าเมิ่งฮ่าวไม่ตกลง มันก็จะโจมตีในทันที
พวกมันทุกคนดูท่าทางไม่เป็นมิตร แรงดึงดูดที่เกิดขึ้นนั้น ทำให้พวกมันขวัญหนีดีฝ่อ ดังนั้น พวกมันจึงตัดสินใจจะค้นหาศิษย์สำนักชิงหลัวที่อยู่โดดเดี่ยวเพื่อเค้นถามข้อมูล
ตอนนี้พวกมันก็ได้พบแล้วหนึ่งคน พวกมันไม่ยอมปล่อยนางไปโดยง่ายดายอย่างแน่นอน
ฉื่อชิงเริ่มหายใจแรงขึ้นด้วยความวิตกกังวล จับเสื้อยาวของเมิ่งฮ่าวจนแน่นอย่างไม่รู้ตัว สำหรับนาง ผู้ฝึกตนขั้นพื้นฐานลมปราณทั้งแปดคนนี้ ต่างก็มีพื้นฐานฝึกตนที่สูงเป็นอย่างยิ่ง นางไม่อาจต้านทานพวกมันได้แม้แต่คนเดียว
“ไสหัวไป!” เมิ่งฮ่าวพูดอย่างเรียบเฉย เขาไม่หยุดบินลงแม้แต่น้อย แต่กลับพุ่งเข้าไปที่พวกมันตรงๆ ต่อไป ฉื่อชิงยิ่งรู้สึกหวาดวิตกมากขึ้น นางได้เห็นเขาสังหารจ้าวซานเหอ แต่ในตอนนี้ พวกเขากำลังเผชิญหน้ากับผู้ฝึกตนทั้งแปดคน จึงทำให้นางรู้สึกกระวนกระวายใจขึ้นอย่างช่วยไม่ได้
เมื่อได้ยินคำพูดของเมิ่งฮ่าว บุรุษชุดยาวสีน้ำเงินก็หัวเราะออกมา รังสีสังหารแผ่ออกมาจากดวงตาของมัน พลังฝึกตนของเมิ่งฮ่าวอยู่ที่ขั้นต้นพื้นฐานลมปราณ ก็เหมือนกับตัวมันเอง แต่มันยังมีอีกเจ็ดคนช่วยหนุนหลังอยู่ เมื่อคิดว่าเมิ่งฮ่าวมีเพียงคนเดียว ไม่จำเป็นที่จะต้องต่อสู้ก็น่าจะรู้ผลแล้ว แต่เมิ่งฮ่าวกลับกล้าที่จะพูดจาเพ้อเจ้อลำพองอย่างคาดไม่ถึงออกมา
รอยยิ้มอันเย็นชา กระจายไปทั่วใบหน้าของผู้ฝึกตนอีกเจ็ดคน ในความคิดของพวกมัน เมิ่งฮ่าวช่างพูดจาใหญ่โตโอ้อวดนัก
แต่เมื่อขณะที่บุรุษชุดยาวสีน้ำเงิน เริ่มยกมือขึ้นมาเพื่อร่ายเวทอาคม และบุคคลทั้งเจ็ดเริ่มดึงเอาอาวุธเวทต่างๆ ออกมา เมิ่งฮ่าวก็อ้าปากขึ้น หมอกสายฟ้าระเบิดออกมา และก่อนที่พวกมันทั้งแปดจะทันได้ทำอันใด หมอกสายฟ้าก็ปกคลุมพวกมัน พื้นดินด้านล่างก็มีเถาวัลย์สีแดงเข้มพุ่งขึ้นมาราวสายน้ำ เถาวัลย์พวกนั้นส่งเสียงกรีดร้องอย่างโหดร้ายออกมา พุ่งตรงขึ้นไปในท่ามกลางกลุ่มหมอกสายฟ้า
เสียงแผดร้องจนแสบแก้วหู ดังออกมาอย่างน่าอนาถใจจากด้านในของกลุ่มหมอกสายฟ้า เป็นเสียงที่เหมือนกับการกรีดร้องก่อนตาย สีหน้าของเมิ่งฮ่าวยังคงสงบนิ่งเหมือนเช่นเคย โอบฉื่อชิงอยู่ในวงแขน บินต่อไป หมอกสายฟ้าหอบถุงสมบัติมายื่นส่งให้เมิ่งฮ่าว ซึ่งเขาก็เก็บถุงสมบัติพวกนั้นไว้ เถาวัลย์มุดกลับเข้าไปในพื้นดิน สำหรับผู้ฝึกตนทั้งแปดคนนั้น ก็ไม่เห็นพวกมันอีกเลย
การสังหารผู้ฝึกตนทั้งแปดคนอย่างรวดเร็ว และมีประสิทธิภาพเช่นนี้ ไม่ได้มีผลอะไรกับเมิ่งฮ่าวมากเท่าไหร่ แต่สำหรับฉื่อชิง นางต้องสูดลมหายใจเข้าไปอย่างหนาวเหน็บ นางรู้สึกว่าเมิ่งฮ่าวช่างแปลกประหลาดมากยิ่งขึ้น
เขาบินไปตามทางด้วยความเร็วสูงสุดต่อไป พวกเขาเข้าไปใกล้แหล่งกำเนิดของแรงดึงดูดมากยิ่งขึ้น ตลอดทางที่ผ่านมา พวกเขาผ่านผู้ฝึกตนที่อยู่คนเดียว หรือบางทีก็อยู่เป็นกลุ่มสามถึงห้าคน รวมทั้งหมด ก็มีผู้ฝึกตนขั้นต้นของพื้นฐานลมปราณสิบคน ที่พวกเขาได้ผ่านมา ไม่มีใครสามารถขัดขวางการเดินทางของเมิ่งฮ่าวได้แม้แต่น้อย
ในไม่ช้า พวกเขาก็เข้าใกล้จุดนัดพบของสำนักชิงหลัว ด้านหลังเมิ่งฮ่าวปรากฎลำแสงสองลำ ซึ่งแผ่พุ่งพลังของขั้นกลางพื้นฐานลมปราณออกมา ถ้ามันมีแค่นั้น ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอันใด แต่ในเวลาเดียวกันนั้น ด้านหน้าเมิ่งฮ่าว ก็ปรากฎลำแสงอื่นอีก ด้านในเป็นชายชรา ซึ่งเป็นคนเดียวกับวันแรกที่เมิ่งฮ่าวเข้ามาในสำนักชิงหลัว มันอยู่ในขั้นสุดท้ายของพื้นฐานลมปราณ
ชายชราหยุดอยู่ที่ด้านหน้าของเมิ่งฮ่าวหลายร้อยจ้าง จ้องมองไปยังฉื่อชิงด้วยสายตาที่เย็นชา
“สหายเต๋า, ข้าได้รอศิษย์สำนักชิงหลัวอยู่ที่นี่มานานมากแล้ว ช่วยส่งสตรีนางนั้นมาให้ข้าด้วย”
สองผู้ฝึกตนขั้นกลางพื้นฐานลมปราณ มาหยุดอยู่ที่ด้านหลังของเมิ่งฮ่าวและฉื่อชิง ตอนนี้พวกเขาได้ถูกล้อมไว้เรียบร้อยแล้ว
สองผู้ฝึกตนขั้นกลางพื้นฐานลมปราณ เป็นบุรุษวัยกลางคน พวกมันมีดวงตาที่ดุดัน และแผ่รังสีความเย็นชาออกมาพร้อมกับรังสีสังหาร เห็นได้ชัดว่าเป็นพวกที่มีจิตใจอำมหิตโหดร้าย
“ท่านต้องการอยากรู้อะไร?” เมิ่งฮ่าวพูดเสียงราบเรียบ “ข้าสามารถบอกท่านได้” ใบหน้าของฉื่อชิงขาวซีดขณะที่นางพิงไปที่หน้าอกของเขา ถ้าไม่มีเมิ่งฮ่าว นางก็คงจะถูกจับกุม และนำไปเค้นถามข้อมูลโดยผู้ฝึกตนเร่ร่อนเหล่านี้อย่างแน่นอน ตามรายทางที่ผ่านมา นางได้เห็นศิษย์สำนักชิงหลัวหลายคน ถูกจับกุมไป และถูกเค้นถามด้วยวิธีการต่างๆ
และผู้ฝึกตนเร่ร่อนก็เป็นผู้ฝึกตนที่อำมหิตโหดเหี้ยม พวกมันไม่ยอมเลิกล้มการหาข้อมูลได้อย่างง่ายดาย เนื่องจากข้อมูลเหล่านั้นสามารถที่จะช่วยรักษาชีวิตของพวกมันได้ การบอกกล่าวข้อมูลเหล่านั้นให้กับคนอื่น ก็จะเป็นการลดโอกาส และอาจจะนำความตายมาสู่พวกมันได้
“ข้าไม่คุ้นเคยกับการรับฟังคนอื่นพูด” ชายชราพูดเสียงเยือกเย็น “ข้าเชื่อเพียงผลลัพธ์ที่ได้มาจากมือของข้าเอง” พลังของขั้นสุดท้ายพื้นฐานลมปราณแผ่กระจายออกมา ส่งผลให้เกิดแรงกดดันอันมหาศาลพุ่งตรงมายังเมิ่งฮ่าว