หลังจากที่ทุกคนเข้าไปในประตูสีดำ ใบหน้าขนาดใหญ่ก็เริ่มบิดเบี้ยว เงาร่างลี้ลับสามร่างก็สลายออกมาจากใบหน้านั้น และกลายเป็นผู้ฝึกตนชราที่แห้งเหี่ยวสามคน ดูราวกับว่าพวกมันเพิ่งจะคลานออกมาจากหลุมฝังศพ
โดยไม่ลังเล พวกมันมุ่งหน้าตรงไปยังรูปปั้นที่จากมา ขณะที่พวกมันเคลื่อนที่ตรงไป กลิ่นอายสีดำจำนวนมากมายมหาศาลก็กระจายออกมา ราวกับว่าพวกมันกำลังถูกกรัดกร่อนลงไป
“เกิดอะไรขึ้น?” ใบหน้าขนาดใหญ่นั้นกล่าว “โอ, ไม่ว่าอย่างไร ถ้าไม่มีจี้หยก, พวกเจ้าก็ไม่สามารถเข้าไปได้!” มันดูท่าทางสับสนอยู่สักพัก แต่จากนั้นดวงตาของมันก็เริ่มสดใสขึ้น และมันก็เริ่มกู่ร้องออกมา
ในตอนนี้, มีเพียงแค่สิบเอ็ดคนเหลืออยู่ภายในรอยแตกนั้น นอกจากปรมาจารย์จื่อหลัว และสตรีสวยงามวัยกลางคนแล้ว ยังมีคนอื่นๆ อีกเก้าคน ทั้งหมดเป็นผู้ฝึกตนขั้นสร้างแกนลมปราณ พวกมันไม่สนใจเสียงกู่ร้องของใบหน้าในประตูนั้น นั่งขัดสมาธิและปิดตาลง ในเวลาเดียวกันนั้น มือของพวกมันก็ขยับเป็นรูปแบบการสร้างเวทอาคม ในตรงกลางของกลุ่มคนทั้งเก้าปรากฎเป็นต้นโสมลอยอยู่ในอากาศ
ต้นโสมพราวระยับและโปร่งแสง ภายในของมันราวกับบรรจุไว้ด้วยโชคลาภแห่งสวรรค์
ต้นโสมบิดไปมาด้วยการหมุนเวียนของพื้นฐานฝึกตนของคนทั้งเก้า และดูเหมือนมันกำลังเริ่มมีศีรษะ และงอกสองแขน สองขาออกมา
ปรมาจารย์จื่อหลัว และสตรีวัยกลางคนที่สวยงาม ยืนอยู่ด้านข้าง มองไปยังต้นโสมนั้น
“ข้าไปมาครั้งหนึ่ง” สตรีวัยกลางคนพูดพร้อมขมวดคิ้ว ”แต่หลังจากหายใจเข้าออกสามสิบครั้งผ่านไป พลังขับไล่ภายในก็เริ่มรุนแรงมากขึ้น แม้แต่ด้วยสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของข้า ก็ยังไม่อาจค้นหาวัตถุนั้นได้ ข้าได้แต่เพียงหวังว่าหอคอยร้อยวิญญาณจะมีผล แต่มันก็ยังไม่สมบูรณ์มากนัก หวังว่าครั้งนี้น่าจะเพียงพอ”
ปรมาจารย์จื่อหลัวเงียบอยู่สักพัก ก่อนที่จะตอบอย่างราบเรียบ ”ข้าได้จัดเตรียมต้นโสมนี้ด้วยตัวเอง ซึ่งจะช่วยให้พวกเราสามารถอยู่ด้านในได้ชั่วธูปไหม้หมดไปหนึ่งดอก ทุกอย่างเตรียมไว้แล้ว ถ้าพวกเรายังไม่อาจทำได้สำเร็จในครั้งนี้ ก็คงต้องทำตามคำพูดของท่านเจ้าสำนัก และเหล่าปรมาจารย์ พวกเราจะเปิดดินแดนสงบสุขนี้ให้ทุกคนเข้ามา เพื่อจะยืมพลังของทั้งดินแดนด้านใต้ ให้ช่วยค้นหาสิ่งของในตำนานนั้น ด้วยการเป็นผู้ฝึกตนเช่นพวกเรา ของชิ้นนั้นเป็นความหวังเดียวที่พวกเรามี มากยิ่งกว่าถ้ำกำเนิดใหม่ซะอีก!”
สตรีผู้สวยงามลังเลชั่วครู่ จากนั้นก็กล่าวว่า ”ถ้ามันเกิดเรื่องเช่นนั้นขึ้น พวกเราก็จะถูกบังคับให้ต้องแบ่งปัน ถึงแม้สำนักชิงหลัวจะยิ่งใหญ่ แต่เมื่อมีผู้คนมากมายมาเกี่ยวข้องด้วย พวกเราก็จะมีโอกาสน้อยลง…สำหรับข้ามันอาจจะดีกว่าเล็กน้อย แต่ท่านและคนอื่นๆ จะมีข้อจำกัดมากขึ้น”
“ก็จริง แต่พวกเราก็ได้เสียสละศิษย์ของสำนักบางส่วนในครั้งนี้ พวกเราต้องไม่มีทางพลาด!” สีม่วงคล้ำปรากฎขึ้นภายในไฝบนใบหน้าของมัน ทำให้มีท่าทางดุร้ายมากยิ่งขึ้น
——
ทั่วทั้งโลกหมุนคว้างไปมา ทำให้ยากที่จะรู้ว่าเป็นทิศทางใด ทุกสิ่งทุกอย่างมืดมิด ไม่นานมากนัก ก่อนที่ทุกอย่างจะเริ่มมองเห็นได้ชัดเจน ฟ้ามืดคลึ้มด้วยสีน้ำเงินเข้ม ปฐพีด้านล่างเต็มไปด้วยผืนดินสีดำ
มีใบไม้เขียวขจีอยู่ในทุกที่ ปกคลุมไปทั่วเนินเขา ซึ่งสูงขึ้นมา และทอดยาวออกไปในที่ห่างไกล แม่น้ำขนาดใหญ่เลื้อยผ่านภูเขาไป และเสียงน้ำไหลก็ได้ยินมา
นี่เป็นสิ่งที่เมิ่งฮ่าวได้เห็น เมื่อเขาปรากฎขึ้น มองไม่เห็นใครอื่น มีแต่เขาเพียงคนเดียว
“สถานที่นี้ค่อนข้างใหญ่…” เขากล่าว มองขึ้นไปในท้องฟ้า ดวงตะวันกำลังตกลงมา ทำให้ท้องฟ้าเต็มไปด้วยแสงสีแดงอันสวยงาม
ในความเป็นจริง เมื่อสังเกตดูอย่างละเอียด เมิ่งฮ่าวก็มองเห็นดวงจันทร์ที่ซ่อนอยู่
“สถานที่ประชุมสำหรับกลุ่มต้นแบบแห่งกาลเวลาของพวกเรา เป็นที่ซึ่งมีภาพของดวงตะวันและดวงจันทร์ซ้อนทับกัน” ดวงตาเมิ่งฮ่าวสาดประกายขณะที่เขาเดินไปข้างหน้า กลายเป็นลำแสงพุ่งออกไป
“และที่นั่นน่าจะเป็นหอคอยร้อยวิญญาณ มันคืออะไร?” เมิ่งฮ่าวรู้สึกสงสัยอยู่ในจิตใจ ขณะที่เขาเคลื่อนที่ตรงไป สิ่งแรกที่เขาทำก็คือ หยิบเครื่องรางนำโชคออกมาจากถุงแห่งจักรวาล ส่งจิตสัมผัสเข้าไปเล็กน้อย เขารู้สึกสบายใจขึ้นบ้าง เริ่มรับรู้ถึงคุณค่าของเครื่องรางนำโชคนี้มากขึ้นเรื่อยๆ
“ไม่ต้องสงสัยเลยว่าทำไม ปรมาจารย์เอกะเทวะถึงได้มีเครื่องรางนี้ในสิ่งของที่มันรวบรวมไว้ มันยังสามารถช่วยให้ข้าเคลื่อนย้ายออกไปจากสถานที่นี้ได้” เขาเก็บเครื่องรางนำโชคกลับไป นี่เป็นของวิเศษช่วยชีวิตของเขาในตอนนี้
“ศิษย์พี่หญิงฉื่ออยู่ด้านหลังข้า แต่ใครจะไปรู้ว่าศิษย์สำนักชิงหลัวจะไปปรากฎขึ้นที่ไหน พวกมันจะออกมาด้วยกัน หรือถูกส่งมาแบบสุ่ม? ถ้าเป็นแบบหลังก็ดี อย่างไรก็ตาม ข้าต้องค้นหานางให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้” แสงอันดุร้ายปรากฎขึ้นในดวงตา ขณะที่เขาคิดไปถึงเสียงหัวเราะอย่างเย็นชาของหญิงสาวท่าทางยั่วยวน ซึ่งยืนอยู่ที่ด้านข้างของศิษย์พี่หญิงฉื่อ และใบหน้าที่ซีดขาวของฉื่อชิง
ขณะที่เขาคิดเกี่ยวกับนาง เขาก็หยิบเอาแผ่นหยกที่แจกจ่ายโดยสำนักชิงหลัวออกมา ส่งจิตสัมผัสเข้าไป ก็เห็นรายชื่อมากมาย เขาตรวจดูรายชื่อเหล่านั้น ถอนจิตสัมผัสออกมา และก็บดขยี้แผ่นหยกนั้นจนแหลกละเอียด
จากนั้นเขาพุ่งตรงไปค้นหาศิษย์พี่หญิงฉื่อ
เวลาผ่านไป และในไม่ช้าเวลาค่ำก็มาถึง ท้องฟ้าเริ่มมืดลง และดวงจันทร์ก็ลอยขึ้นมา ทุกสิ่งทุกอย่างมืดสลัว ตอนนี้เขายืนอยู่บนเนินเขาลูกเล็กๆ มองออกไปยังซากปรักหักพังโบราณที่อยู่ห่างออกไปไม่ไกลตรงเบื้องหน้า
ในตอนนี้ ดวงจันทร์ถูกปกคลุมด้วยเมฆสีดำ ทำให้ซากหักพังที่ด้านหน้าดูค่อนข้างคลุมเครือ ดูเหมือนจะเก่าแก่เป็นอย่างยิ่ง ราวกับว่าพวกมันได้ผ่านกาลเวลามานานมากมายหลายปี เมิ่งฮ่าวรู้สึกว่าเมื่อหลายปีมากๆ นานมาแล้ว มันเคยเป็นเมืองที่เจริญรุ่งเรืองมาก่อน
ตอนนี้ เมื่อคิดดูแล้ว มันได้ถูกกลืนกินไปโดยผืนดินครึ่งหนึ่ง มีเพียงโครงสร้างอีกเล็กน้อยที่ยังมองเห็นได้ และถึงแม้พวกมันจะหักพังแยกออกเป็นส่วนๆ ด้วยแสงจันทร์ยามราตรี ก็ดูเหมือนมันจะอ้างว้างโดดเดี่ยวเป็นอย่างยิ่ง สายลมพัดผ่านซากปรักหักพังนั้น หอบเอาเสียงแปลกๆ มาพร้อมกับมัน
เป็นเสียงที่เหมือนกับมีผู้คนมากมายนับไม่ถ้วน กำลังพึมพำด้วยเสียงแผ่วเบา เมิ่งฮ่าวไม่อาจฟังได้ชัดว่าพวกมันกำลังพูดเรื่องอะไร แต่เสียงที่ผสมรวมกันทั้งหมดนี้ ก็สร้างความรู้สึกที่แปลกประหลาดเป็นอย่างมาก
ด้านหน้าของซากปรักหักพังนั้นเป็นศิลาตัวอักษร เกือบจะไม่มีอะไรเหลืออยู่เป็นตัวอักษร ซึ่งครั้งหนึ่งมันได้ถูกแกะสลักไว้ แต่ตอนนี้มันเกือบจะว่างเปล่าโดยสิ้นเชิง และมีรอยแตกปกคลุมไปทั่ว
เขามองไปที่มัน กำลังจะหันหลังและจากไป ทันใดนั้น สีหน้าเขาก็เปลี่ยนไป เมฆสีดำเลื่อนผ่านไป และแสงจันทร์ก็ส่องลงมาในทันใด เมิ่งฮ่าวมองเห็นบางอย่าง ที่อยู่ในหนึ่งรอยแตกของศิลาตัวอักษรนั้น ด้านในของมันเป็นกิ่งก้านของเถาวัลย์สีทอง ซึ่งดูเหมือนกำลังดิ้นไปมา มันถูกปกคลุมด้วยใบซึ่งพันอยู่รอบๆ ชิ้นส่วนเล็กๆ ของผลไม้ที่มีขนาดเท่านิ้วหัวแม่มือ
เขาจำผลไม้นี้ได้จากแผ่นหยกที่เขาเพิ่งจะบดขยี้ไป มันเป็นหนึ่งในสิ่งของที่สำนักชิงหลัวต้องการ มันเรียกว่าผลจันทร์ศิลา
สีหน้าเขาสงบนิ่ง เมิ่งฮ่าวไม่ได้ทำอะไร เพียงนั่งขัดสมาธิอยู่บนเนินเขา มองออกไปด้วยสายตาที่เรียบเฉย
เวลาผ่านไปไม่นานนัก ก่อนที่เงาร่างจะพุ่งออกมาจากป่าที่อยู่บริเวณใกล้เคียง มันเป็นบุรุษวัยกลางคนด้วยพื้นฐานฝึกตนขั้นต้นของพื้นฐานลมปราณ มันพุ่งตรงไปยังศิลาตัวอักษร มาถึงตรงหน้าเพียงชั่วพริบตา มันยื่นมือออกไปจับผลจันทร์ศิลานั้น
ทันทีที่มันแตะไปที่ผลไม้นั้น แสงเย็นเยียบกระจายออกมาจากภายในของศิลาตัวอักษร ผู้ฝึกตนวัยกลางคนนั้น พุ่งออกไปด้านหลัง ด้วยสีหน้าตกใจ แสงเย็นเยียบนั้นกลายเป็นลำแสงมากมาย พุ่งตรงไปที่มัน
เสียงปะทุดังออกมา และบุรุษผู้นั้นก็กระอักโลหิตออกมา มันมีสีหน้าประหลาดใจ ขณะที่พยายามจะต่อต้าน แต่ก่อนที่มันจะได้ทำอะไร ร่างของมันก็เริ่มสั่นสะท้าน ทันใดนั้น ศีรษะของมันก็ลอยออกไปจากร่าง ถูกตัดขาดไป
ในเวลาเดียวกันนั้น เถาวัลย์สีทองในรอยแตกของศิลาตัวอักษรก็ยืดยาวออกมา เลื้อยพันไปรอบๆ ร่างที่ไร้ศีรษะนั้น หนึ่งในกิ่งก้านของเถาวัลย์นั้น แทงเข้าไปในร่างนั้น ดูเหมือนกำลังจะกลืนบางอย่างอยู่ แน่นอนว่า เพียงแค่หายใจเข้าออกไม่กี่ครั้ง ร่างของผู้ฝึกตนผู้นั้นก็แห้งเหี่ยวหดตัวลง
เมิ่งฮ่าวเห็นทุกสิ่งที่เกิดขึ้นนี้ เขายังคงนั่งอยู่ที่นั่นอย่างเงียบๆ ต่อไป แสงเจิดจ้าปรากฎขึ้นในดวงตา
“เถาวัลย์นั้นดูดอะไรเข้าไป?” เขาคิด
ขณะที่เขามองอยู่นั้น ศิลาตัวอักษรก็เริ่มเกิดเป็นระลอกคลื่นและบิดเบี้ยวไปมา และบุรุษหนุ่มสีหน้าโหดเหี้ยมสวมใส่ชุดยาวสีม่วงก็เดินออกมาจากศิลาตัวอักษรนั้น มันอยู่ที่ระดับสูงสุดในขั้นกลางของพื้นฐานลมปราณ ใกล้จะไปถึงขั้นสุดท้าย ที่พันอยู่รอบๆ แขนของมันเป็นเถาวัลย์หวายเส้นหนา ซึ่งยืดออกมาเหมือนหนวด ทำให้มันดูน่ากลัวเป็นอย่างยิ่ง
เมิ่งฮ่าวเคยเห็นมันมาก่อน มันเป็นหนึ่งในศิษย์สำนักชิงหลัว ซึ่งอยู่ในกลุ่มเดียวกับเขาที่ได้เดินทางมายังสถานที่นี้ มันอยู่ท่ามกลางผู้ถูกเลือกบนหลัวผานสีม่วง
บุรุษหนุ่มนั้นไม่ชายตามองไปยังซากศพที่แห้งเหี่ยวนั้นแม้แต่น้อย แต่มันกลับเงยหน้ามองตรงมายังเนินเขาที่เมิ่งฮ่าวนั่งอยู่ ดวงตาของมันแวบแสงออกมา
เมิ่งฮ่าวนั่งขัดสมาธิอยู่ที่นั่น มองกลับไปที่มัน ระหว่างพวกเขาห่างกันเพียงไม่กี่ร้อยจ้าง ต่างก็มองซึ่งกันและกันช่วงสูดลมหายใจเข้าออกไม่กี่ครั้ง จากนั้น บุรุษผู้นั้นก็กระโจนไปข้างหน้า และทะยานขึ้นไปในอากาศ ร่างของมันกลายเป็นลำแสง พุ่งตรงมายังเมิ่งฮ่าว
——
ในเวลาเดียวกันนั้น ที่ซึ่งห่างออกไปไม่ไกลนัก ฉื่อชิงพุ่งไปตามทาง ใบหน้าซีดขาว หมอกหลากสีใต้เท้านางเริ่มจะตกลงไป ด้านหลังนางเป็นศิษย์พี่จ้าว จากสำนักชิงหลัว รอยยิ้มปกคลุมใบหน้าของมัน ด้านข้างของมันเป็นหญิงสาวท่าทางยั่วยวนแซ่เซีย พวกมันไล่ตามฉื่อชิงมาด้วยท่าทางสบายๆ
“ศิษย์น้องฉื่อ เจ้าสามารถหลบหนีไปได้เมื่อครั้งที่แล้ว ก็เพราะเจ้าโชคดี” บุรุษหนุ่มแซ่จ้าวพูด มันมีหน้าตาค่อนข้างหล่อเหลา ”ครั้งนี้, ข้าได้จ่ายให้ศิษย์พี่เซี่ย ช่วยออกคำสั่งลับว่า ถ้าศิษย์คนไหนได้เห็นเจ้าก็ให้แจ้งต่อข้า ดูสิ พวกเราเพิ่งจะมาถึงที่นี่แค่หนึ่งชั่วยาม และข้าก็หาเจ้าพบแล้ว”
มันหัวเราะ และเมื่อคำพูดของมันดังเข้าไปในหูของฉื่อชิง ก็ทำให้ใบหน้าของนางยิ่งซีดขาวมากขึ้น นางกัดฟันจนแน่น ไม่พูดจา พยายามพุ่งไปข้างหน้าให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเร็วได้ แต่ไม่ว่านางจะไปได้เร็วมากเท่าไหร่ บุรุษแซ่จ้าวนั้นเป็นผู้ฝึกตนขั้นพื้นฐานลมปราณ จึงไม่มีทางที่นางจะหลบหนีมันไปได้
“ศิษย์น้องฉื่อ เจ้าโชคดีมากที่ศิษย์พี่จ้าวพึงพอใจเจ้า ตอนที่มันเกิดขึ้นกับข้า ข้าก็ไม่ชอบเช่นเดียวกัน แต่ตอนนี้ทุกอย่างก็ดีขึ้น แค่ยอมโอนอ่อนผ่อนตาม ทุกสิ่งทุกอย่างก็จะดีเอง” หญิงสาวท่าทางยั่วยวนหัวเราะขึ้นมา เมื่อบุรุษหนุ่มแซ่จ้าวลูบไล้ฝ่ามือของมันไปตามร่างกายของนาง
“ข้าไม่ต้องการทำให้เป็นเรื่องยากสำหรับเจ้า” ผู้แซ่จ้าวพูด เปลวไฟในดวงตาของมันลุกโชนมากขึ้น ”ข้าเพียงต้องการแต้มพรหมจรรย์ของเจ้าเท่านั้น ข้ามีเม็ดยาพื้นฐานลมปราณเป็นสิ่งแลกเปลี่ยน มันก็ยุติธรรมดี แต่เจ้าก็ยังไม่ยอม เจ้าจึงไม่อาจตำหนิข้าว่าใช้กำลังบังคับได้” มันยกนิ้วมือข้างขวาขึ้นมา
ดรรชนีนั้นส่งพลังลมอันแข็งแกร่งพุ่งออกไป มันพุ่งผ่านฉื่อชิง ทำให้ชุดยาวของนางขาดวิ่นไป เผยให้เห็นผิวกายเล็กน้อย ฉื่อชิงตัวสั่น และโลหิตก็ไหลซึมออกมาจากมุมปากของนาง และนางก็ขบกรามจนแน่น พุ่งตรงไปข้างหน้าต่อไป
บุรุษหนุ่มแซ่จ้าวหัวเราะออกมา ดวงตาของมันลุกโชน ขณะที่ยกมือขึ้นมาอีกครั้ง