วันอังคารที่ 17 มกราคม พ.ศ. 2560

ตอนที่ 146 : นี่คือสุดยอดความรำคาญ

Posted By: wuxiathai - 18:20
มีรูโหว่ซึ่งถูกแช่งแข็งอยู่ระหว่างคิ้วของซากศพ ราวกับว่าส่วนที่เหลืออื่นๆ ของซากศพอาจจะเน่าเปื่อยไปได้ แต่รูโหว่นี้จะคงอยู่ไปชั่วนิรันดร์กาล
ทุกคนยืนตกตะลึงอยู่ที่นั่น จ้องไปยังแมงกะพรุน ขณะที่มันค่อยๆ ลอยไปอย่างช้าๆ หนวดที่ยาวของมันลอยผ่านกลุ่มหลัวผานไป จากนั้นก็ลอยต่อไปยังที่ห่างไกล ในที่สุด ปรมาจารย์จื่อหลัวก็ถอนหายใจออกมาอย่างแผ่วเบา มันลุกขึ้นยืน และหันหน้าไปยังแมงกะพรุนที่กำลังลอยห่างออกไป มันประสานมือ โค้งตัวลงต่ำคารวะไปยังแมงกะพรุนนั้น
จากนั้น เสียงคร่ำครึโบราณของมันก็ค่อยๆ ดังขึ้นในอากาศ “นี่เป็นบรรพบุรุษรุ่นสามของสำนักชิงหลัว พื้นฐานฝึกตนของท่านอยู่ที่จุดสูงสุดของขั้นค้นหาเต๋า ขณะที่ท่านกำลังพยายามไปให้ถึงขั้นเซียนอมตะ ปรมาจารย์จากตระกูลหวังก็ได้ลอบโจมตีท่าน ทำให้ท่านไม่สามารถบรรลุขั้นเซียน และตกลงมาสู่เส้นทางนี้”
“ในปีนั้น สำนักของพวกเรา และตระกูลหวังได้ก่อสงครามต่อสู้กันมานานถึงสามพันปี ในที่สุด สงครามก็จบลง อย่างไรก็ตาม ศิษย์สำนักชิงหลัวทั้งหมด ควรจะจดจำประวัติศาสตร์ช่วงนี้ของสำนักไว้ในจิตใจบ้างสักเล็กน้อย”
ดูเหมือนว่าศิษย์สำนักชิงหลัวส่วนใหญ่ เพิ่งเคยได้ยินเรื่องเช่นนี้เป็นครั้งแรก ดวงตาของพวกมันส่องประกายเจิดจ้าขณะที่รับฟังอยู่ จิตใจเมิ่งฮ่าวเต้นรัวขณะที่เขามองไปอย่างเงียบๆ ที่แมงกะพรุนซึ่งกำลังจากไป
ในไม่ช้า ทั้งกลุ่มก็เดินทางต่อไป พวกมันไม่ได้เผชิญหน้ากับสิ่งแปลกประหลาดเช่น แมงกะพรุนอีก ทั้งหมดบินต่อไปอีกสองวัน จนกระทั่งทันใดนั้น แสงที่เรืองออกมาจากหลัวผานก็จางหายไป มันลอยลงไปยังกิ่งก้านเล็กๆ ของเส้นทางที่เชื่อมต่อระหว่างภูเขา
ตอนนี้เมิ่งฮ่าวก็มองเห็นเทือกเขาที่ทอดยาวออกไป จนดูเหมือนจะไม่มีจุดสิ้นสุด ทุกสิ่งทุกอย่างเป็นสีเทา ไกลสุดเท่าที่ตาจะมองเห็น ไม่มีต้นไม้ใบหญ้าใดๆ ขึ้นอยู่เลย ที่ห่างไกลออกไป ปรากฎเป็นหุบเขาลึกที่คล้ายรอยแตกขนาดใหญ่ ก่อตัวเป็นเส้นทางขึ้น
ด้านข้างของเส้นทางนั้นเป็นหน้าผา ที่ยืดยาวลงไปถึงก้นเหวที่มองไม่เห็น
ด้วยความประหลาดใจ มีผู้ฝึกตนนับร้อยนั่งขัดสมาธิอยู่ด้านนอกของหุบเขานั้น ใบหน้าของพวกมันทั้งหมดซีดขาว และดูค่อนข้างอิดโรย ประมาณห้าสิบคนสวมใส่เสื้อผ้าหลากหลายไม่ซ้ำกัน เห็นได้ชัดว่าไม่ใช่ศิษย์ของสำนักชิงหลัว พวกมันเป็นกลุ่มของผู้ฝึกตนเร่ร่อนขั้นพื้นฐานลมปราณ ซึ่งได้มาที่นี่ก่อนหน้ากลุ่มของเมิ่งฮ่าว
ทั้งสองกลุ่มชำเลืองมองซึ่งกันและกัน
ผู้ฝึกตนที่เหลือเป็นศิษย์สำนักชิงหลัว เมื่อพวกมันเห็นกลุ่มคนที่นำโดยปรมาจารย์จื่อหลัว สีหน้าของพวกมันก็สดใสขึ้น พวกมันทั้งหมดลุกขึ้นยืน และจากคนกลุ่มนี้ มีสตรีวัยกลางคนที่หน้าตาสวยงาม สวมใส่ชุดที่มีสีสันสดใส เปล่งประกายที่สง่างามของผู้ใหญ่ออกมา ถึงแม้ว่าใบหน้าของนางจะค่อนข้างซีดขาวก็ตาม
เมื่อนางเห็นปรมาจารย์จื่อหลัว นางก็ถอนหายใจออกมาอย่างแผ่วเบา และพยักหน้า
สตรีผู้นี้ไม่ได้สังเกตเห็นเมิ่งฮ่าว แต่เขาจำนางได้ นางเป็นหนึ่งในคนที่นำฉื่อชิงออกมาจากสำนักเอกะเทวะ เมื่อหลายปีมาแล้ว
“พร้อมด้วยปรมาจารย์จื่อหลัว ตอนนี้ก็มีผู้ฝึกตนขั้นวิญญาณแรกก่อตั้งสองคนอยู่ที่นี้” เมิ่งฮ่าวคิด “…สถานที่นี้จริงๆ แล้วคืออะไร? มันใช่ดินแดนสงบสุขจริงๆ?”
เขาคิดอยู่สักพัก จากนั้นก็ยกมือขึ้นลูบไปที่ถุงแห่งจักรวาล จากนั้นเขาก็ถือเครื่องรางนำโชคอยู่ในมือ และส่งพลังลมปราณเข้าไปเล็กน้อย เขายังคงสัมผัสได้ถึงความสามารถในการเคลื่อนย้ายทางไกลของมัน ซึ่งทำให้เขาลดความวิตกกังวลลงได้บ้าง
หนึ่งในเหตุผลหลักที่เขาตัดสินใจมากยังสำนักชิงหลัว ก็เป็นเพราะเขาพึ่งพาความสามารถ ในการเคลื่อนย้ายทางไกลของเครื่องรางนำโชคนี้ ปรมาจารย์เอกะเทวะได้เก็บของสิ่งนี้อยู่ในกองสมบัติของมัน ทำให้เมิ่งฮ่าวรู้สึกเชื่อมั่นในความสามารถของมัน ถึงแม้เขาจะไม่เคยใช้มันมาก่อนก็ตาม
ตรงมุมที่หางตาของเขา เขาเห็นฉื่อชิงอยู่ภายในผู้ฝึกตนกลุ่มใหญ่ คิ้วของนางขมวดขึ้น ขณะที่หญิงสาวท่าทางยั่วยวนที่ยืนอยู่ด้านข้างกำลังเยาะเย้ยนาง
เมิ่งฮ่าวขมวดคิ้ว เขาเห็นถึงความไม่สบายใจของศิษย์พี่หญิงฉื่อ เขาชำเลืองมองไปยังหญิงสาวท่าทางยั่วยวนนางนั้น และความเย็นเยียบในดวงตาของเขาก็เพิ่มขึ้นราวน้ำแข็ง
ในตอนนี้เองที่ปรมาจารย์จื่อหลัวลุกขึ้นยืน และหลัวผานที่ด้านล่างของมันก็หดตัวลง มันเดินตรงไปยังสตรีที่สวยงามนางนั้น และพวกมันก็เริ่มพูดจากันด้วยเสียงแผ่วเบา สีหน้าอันน่าเกลียดก็ปรากฎขึ้นบนใบหน้าของปรมาจารย์จื่อหลัว ขณะที่พวกมันพูดคุยกันต่อไป จากนั้น พวกมันก็เดินตรงไปยังหุบเขาที่เหมือนรอยแตกนั้น
จากนั้น ศิษย์สำนักชิงหลัวทั้งหมดก็ออกจากหลัวผาน กลายเป็นลำแสงขณะที่พวกมันพุ่งเข้าไปในรอยแตก ผู้ฝึกตนที่นั่งขัดสมาธิอยู่ด้านนอกของรอยแตก ต่างก็ลุกขึ้นยืนและเข้าไปด้วยเช่นกัน
เซี่ยเจี๋ยประสานมือมายังผู้ฝึกตนเร่ร่อน รวมถึงเมิ่งฮ่าว “ทุกท่าน, ได้โปรดติดตามข้ามา” หลัวผานที่ใต้เท้าพวกเขาเริ่มหดตัวลง ทุกคนดูเหมือนจะพิจารณาว่าต้องทำอะไร แต่ก็ไม่มีใครล่าถอย แต่ละคนนำความคิดที่แตกต่างกันไปด้วย ทั้งกลุ่มกลายเป็นลำแสง และพุ่งเข้าไปในรอยแตกนั้น
สีหน้าของเมิ่งฮ่าวสงบเรียบขณะที่บินตรงไปช้าๆ ด้านหลังเขา กลุ่มของฉื่อชิงเริ่มติดตามมา แต่เห็นได้ชัดว่านางไม่ได้อยู่ในขั้นพื้นฐานลมปราณ นางไม่สามารถบินได้จริงๆ แต่ต้องบินไปบนกลุ่มหมอกหลากสี
เมิ่งฮ่าวบินช้าลงไปเล็กน้อย แต่เซี่ยเจี๋ยทันใดนั้นก็หันกลับมามองเขา ดวงตาของมันสาดประกายราวสายฟ้า ดูเหมือนมันกำลังจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ก็ไม่พูด ขณะที่ทันใดนั้น ก็มีหญิงสาวนางหนึ่ง มาถึงเมิ่งฮ่าวจากด้านข้างที่ไกลออกไป
“สหายเต๋าเมิ่ง, พวกเราได้พบกันอีกแล้ว” หญิงสาวสวมใส่ชุดยาวสีม่วง หน้าตาสวยงามและมีเสน่ห์ เมื่อนางยิ้ม ก็เห็นฟันสีขาวที่เรียงกันเป็นระเบียบอย่างสวยงาม นางบินไปตามเมิ่งฮ่าวที่ด้านข้าง
“อา, สหายเต๋าหาน” เมิ่งฮ่าวกล่าว มองไปที่นางและพยักหน้าให้ นี่เป็นหญิงสาวที่ส่งเม็ดยาหลัวตี้มาให้เขาเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา
กลุ่มของคนทั้งหมดนี้เกือบจะถึงหนึ่งพันคน ส่งเสียงหวีดหวิวฝ่าอากาศเข้าไปในรอยแตก หน้าผาพุ่งขึ้นไปจากด้านข้างของพวกมัน มองอะไรไม่เห็นที่ด้านล่าง ราวกับว่ารอยแตกนี้ไร้ก้น
“สหายเต๋าเมิ่ง” หานเป้ยพูดขึ้นมา เสียงของนางแผ่วเบาและสดใส “ท่านมีท่าทางสุภาพเรียบร้อย คงจะมาจากครอบครัวที่ไม่ธรรมดา ท่านต้องการเข้าร่วมเหตุการณ์นี้เพื่อเม็ดยาหลัวตี้จริงๆ?”
ดวงตาเมิ่งฮ่าวส่องประกายขณะที่มองไปยังนาง
“ข้าเกรงว่าจะไม่เข้าใจในสิ่งที่ท่านกำลังพูดถึง, สหายเต๋าหาน” ในตอนนี้ กลุ่มคนทั้งหมดก็ได้บินมาค่อนข้างไกลเข้าไปในรอยแตก ผนังของหน้าผารอบๆ พวกเขา ในที่สุดก็เปลี่ยนเป็นสีดำ ก้อนหินก็เริ่มเรืองแสงขึ้นในตอนนี้
ก่อนที่หานเป้ยจะกล่าวตอบ ผู้ฝึกตนที่อยู่รอบๆ ก็เริ่มพูดออกมาอย่างตื่นเต้น
“นี่คือ…หน้าผาผลึก!”
“นี่เป็นสถานที่อะไร? ถึงได้มีผลึกมากมายนัก! มันยังดีกว่าหินลมปราณระดับสูงซะอีก!”
ผู้ฝึกตนบางคนบินขึ้นไป และกระแทกไปบนพื้นผิวของหน้าผาผลึก เห็นได้ชัดว่ากำลังพยายามที่จะขุดมันออกมาบางส่วน
แต่ทันทีที่พวกมันกระแทกไปบนผนังของหน้าผา เสียงแผดร้องอย่างน่ากลัวก็ดังออกมา ขณะที่ร่างของพวกมันแห้งเหี่ยวไป พลังชีวิต, เลือดเนื้อและโลหิตของพวกมันถูกสูบออกไปในทันที เพียงชั่วพริบตา พวกมันก็กลายเป็นเถ้าธุลีลอยออกไป รวมถึงถุงสมบัติของพวกมันด้วย จุดที่พวกมันได้สัมผัสไปที่ผนังหน้าผาในตอนนี้ ก็ดูเหมือนจะมีประกายของผลึกมากกว่าก่อนหน้านี้ มันส่งแสงระยิบระยับออกมาอย่างลี้ลับ
เมื่อได้เห็นเช่นนี้ ดวงตาของเมิ่งฮ่าวก็หดแคบลง ผู้ฝึกตนเร่ร่อนที่อยู่รอบๆ ก็สูดลมหายใจเข้าไปอย่างหนาวเหน็บ สำหรับศิษย์สำนักชิงหลัว พวกมันดูเหมือนว่าจะคอยระวังผนังผาผลึกพวกนั้นอยู่ก่อนแล้ว
“พี่เมิ่ง” หานเป้ยพูดอย่างลึกลับ ยิ้มอย่างมีความหมาย “ท่านกำลังถูกจับตาดูอยู่ โปรดระมัดระวังตัวเองด้วย อีกอย่าง…ท่านแซ่เมิ่งจริงๆ?” ก่อนที่เขาจะกล่าวตอบ นางก็จากไป
ทันใดนั้น เสียงกึกก้องก็ดังออกมา เต็มอยู่ในอากาศ ทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างสั่นสะเทือน จากนั้น มันก็หายไปในทันที เมิ่งฮ่าวขมวดคิ้วขณะที่หานเป้ยบินออกไป จากนั้นเขาก็จ้องไปบนประตูศิลาขนาดใหญ่ที่ตรงขึ้นไปด้านหน้า ซึ่งปรมาจารย์จื่อหลัว และสตรีวัยกลางคนที่สวยงามได้ช่วยกันทำลายมัน
ประตูศิลาไม่ยอมแตกกระจายเป็นชิ้นๆ ดูเหมือนมันจะถูกปกป้องไว้ด้วยพลังที่ไม่ธรรมดา ซึ่งทำให้มันค่อยๆ ลอยกลับมารวมกันอีกครั้ง
ผ่านเข้าไปหลังประตูศิลา เมิ่งฮ่าวเห็นกลุ่มผู้ฝึกตนร่วมสองร้อยคนนั่งขัดสมาธิอยู่ พวกมันลุกขึ้นยืน ด้านหน้าของพวกมันเป็นบุรุษหนุ่ม ถือไข่มุกอยู่ในมือ ไข่มุกนั้นส่งแสงนุ่มนวลออกมา ดูเหมือนมันจะพยายามทำให้ การฟื้นคืนของประตูศิลานั้นช้าลง
“ผู้เยาว์ หลิวอู่ ขอคารวะท่านปรมาจารย์” ขณะที่มันพูด ปรมาจารย์จื่อหลัว และสตรีที่สวยงามนางนั้นก็ผ่านประตูศิลาเข้าไป พวกมันโบกสะบัดแขนเสื้อทำให้ประตูซ่อมแซมตัวเองช้าลง
ต่อมา ก็เป็นกลุ่มของผู้ฝึกตนทั้งหนึ่งพันคน รวมถึงเมิ่งฮ่าว พุ่งผ่านเข้าไปอย่างรวดเร็ว ไม่ว่าพวกมันต้องการหรือไม่ เพราะด้านหลังของคนทั้งหมดเป็นสามผู้พิสดารสร้างแกนลมปราณ เมื่อมีพวกมันอยู่ด้านหลัง ก็ไม่มีใครกล้าที่จะล่าถอยกลับไป
เส้นทางด้านหลังประตูศิลาค่อนข้างจะแปลกประหลาด มีประตูที่เหมือนกันอีกสี่ประตูที่ถูกทำลายไป ถัดออกไปจากแต่ละประตู ก็มีศิษย์สำนักชิงหลัวรอคอยอยู่
เมื่อคนทั้งหมดเข้าไป เมิ่งฮ่าวก็ระมัดระวังตัวมากขึ้น เห็นได้ชัดว่า สำนักชิงหลัวได้ตรวจสอบสถานที่นี้มามากกว่าหนึ่งครั้ง อันที่จริงแล้ว ก็ดูเหมือนว่าพวกมันได้ทำมาแล้วหลายครั้ง
“ประตูศิลานี้เหมือนกับผนึก สถานที่นี้…” เมิ่งฮ่าวมองไปข้างหน้า คิ้วขมวดขึ้น ทันใดนั้น เขาก็หยุดเคลื่อนที่ ไม่ใช่เขาคนเดียว ทุกคนต่างหยุดลง และจ้องไปข้างหน้า
ที่นั่นตรงหน้าของทุกคนเป็นประตูสีดำขนาดใหญ่ ประตูนี้ไม่ได้สร้างมาจากศิลา แต่สร้างมาจากโลหะบางอย่าง มันอยู่ในผนังหน้าผาทั้งสองข้าง และส่องแสงสีดำออกมา บนพื้นผิวของประตูเป็นใบหน้าขนาดใหญ่ ดวงตาของใบหน้านั้นปิดลง ราวกับว่ามันกำลังหลับอยู่
เมื่อพวกเขาเข้าไปใกล้ ดวงตานั้นก็เปิดขึ้นในทันใด และใบหน้านั้นก็ส่งเสียงคำรามออกมา ทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างสั่นสะเทือน แม้แต่ปรมาจารย์จื่อหลัวก็ยังต้องกระอักโลหิตออกมา
เมิ่งฮ่าวก็เช่นกัน โลหิตที่พ่นออกมาจากกลุ่มคนทั้งหมด กลายเป็นสายโลหิตซึ่งใบหน้าขนาดใหญ่ยักษ์นั้นดูดเข้าไป หลังจากที่กลืนโลหิตเข้าไป มันก็ส่งเสียงเรอออกมา
เสียงของใบหน้านั้น ราวกับเสียงฟาดของสายฟ้า “ตามคำสั่งของเจ้านายข้า, ข้าต้องคอยพิทักษ์สุดยอดความรำคาญ ถ้าไม่มีจี้หยก พวกเจ้าก็ไม่อาจเข้าไปใน…หือ, เจ้าพวกนี้มาทำอะไรที่นี่อีก?”
ปรมาจารย์จื่อหลัว และสตรีผู้สวยงาม ต่างก็ประสานมือ และโค้งตัวลงต่ำ ความนับถือปรากฎขึ้นบนใบหน้าของพวกมัน ปรมาจารย์จื่อหลัว ดึงเอากระบอกไม้ไผ่ออกมา และมีหนังสัตว์ที่เก่าชำรุดลอยออกมาจากด้านในของกระบอกไม้ไผ่นั่น
เมื่อเขาได้เห็นหนังสัตว์ผืนนั้น ดวงตาเมิ่งฮ่าวก็หดแคบลง เมื่อเขามองไปที่มันก็รู้สึกว่า มันเหมือนกับเงาร่างแปลกประหลาดในคืนนั้น
ขณะที่หนังสัตว์ลอยออกไป ภาพเลือนลางของดวงตาก็ปรากฎขึ้น ดวงตานั้นจ้องมายังเมิ่งฮ่าว
ทั้งสองสบตากัน และม่านตาของเมิ่งฮ่าวก็หดแคบลง
หนังสัตว์นั้นคลี่กระจายออก และไปหยุดอยู่ตรงหน้าของใบหน้าขนาดใหญ่ยักษ์นั้น

About wuxiathai

Organic Theme is officially developed by Templatezy Team. We published High quality Blogger Templates with Awesome Design for blogspot lovers.The very first Blogger Templates Company where you will find Responsive Design Templates.

Copyright © 2015 ผนึกสวรรค์ สยบมาร สะท้านเทพ

Designed by Templatezy | Distributed By Gooyaabi Templates